เมื่อเปิดธุรกิจร้านกาแฟ มันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เพราะไม่ใช่แค่ใส่ใจเรื่องการชงกาแฟให้อร่อยและการบริการที่ดีเยี่ยมเท่านั้น แต่การทำธุรกิจร้านกาแฟให้เติบโตได้ดี จะต้องให้ความใส่ใจในการเลือกกาแฟที่นำมาชงด้วย ก็คือจะต้องไม่ใหม่เกินไปและไม่เก่าเกินไปนั่นเอง แต่แล้วกาแฟแบบไหนล่ะที่เหมาะที่สุดและเราจะสังเกตได้อย่างไร มาทำความเข้าใจกับเรื่องน่ารู้ของกาแฟกันหน่อยดีกว่า
ใหม่เกินไปมักมีปัญหา
หลายคนเข้าใจว่า กาแฟจะให้รสชาติที่อร่อยและหอมกลมกล่อมได้นั้นจะต้องเป็นกาแฟที่สดใหม่ แต่จริงๆ แล้ว กาแฟสดใหม่นี่แหละที่มักจะมีปัญหาเสมอ เนื่องจากมักจะมีกลิ่นก๊าซที่มาจากการคั่วที่แรงมาก หรือมีรสชาติขมยาจนเกินไป ทั้งยังชงยากอีกด้วย ซึ่งถ้าให้ดีควรเลือกกาแฟที่เก่าลงสักนิด เพราะจะมีกลิ่นหอมไร้กลิ่นก๊าซมากกว่า แถมยังมีรสชาติอร่อยกลมกล่อม และชงให้อร่อยได้ง่ายกว่าอีกด้วย
.หลังคั่วแล้ว คุณภาพจะค่อยๆ เสื่อมลง
จากข้างต้น เราได้ทราบว่ากาแฟที่ใหม่เกินไปมักจะมีปัญหา แต่หากกาแฟเก่าเกินไปก็อาจจะมีกลิ่นที่เหม็นหืนและมีรสชาติขมมากจนไม่น่าทานเช่นกัน ทั้งนี้ก็เพราะหลังจากคั่วกาแฟแล้ว เมล็ดกาแฟจะค่อยๆ เสื่อมคุณภาพลงเรื่อยๆ โดยจากการทดลอง พบว่า กาแฟหลังคั่วจะมีรสชาติดี เมื่อบรรจุอยู่ในถุงอลูมิเนียมฟอยล์ซีล ประมาณ 45 วัน ซึ่งหลังจากนั้นไปแล้วกาแฟจะเก่ามากจนไม่เหมาะกับการนำมาชงอีกต่อไป
ควรจัดการกับอายุของกาแฟอย่างเหมาะสม
จริงอยู่ที่การเลือกกาแฟสำหรับชงนั้น ควรเลือกกาแฟที่เก่ามากกว่ากาแฟใหม่ แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับปริมาณการใช้กาแฟของคุณเองด้วย เช่น ร้านกาแฟของคุณใช้ปริมาณกาแฟน้อยมาก ถุงนึงกว่าจะหมดก็เป็น 30 วัน แบบนี้ควรเลือกกาแฟที่เพิ่งคั่วเสร็จใหม่ๆ เพราะกว่าจะใช้หมด กาแฟก็เริ่มมีรสชาติที่อร่อยกลมกล่อมขึ้น และแน่นอนว่าดึงดูดลูกค้าได้ดีเชียวล่ะ เพราะนั่นหมายถึงการพัฒนาฝีมือในการชงของร้านด้วยนั่นเอง แต่หากเลือกกาแฟที่เก่าแล้ว กว่าจะใช้หมดกาแฟก็เก่าเกินและมีกลิ่นเหม็นหืนซะก่อน ก็จะถูกตำหนิจากลูกค้าได้ นอกซะจากว่าร้านของคุณจะใช้กาแฟหมดเร็วมากไม่เกินอายุ 45 วันของกาแฟแน่นอน ก็อาจจะเลือกกาแฟที่มีความเก่าแบบพอดี เพื่อรสชาติที่ดีกว่า