รสชาติของกาแฟก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับระดับการคั่วเพียงอย่างเดียวนะคะ ยังมีปัจจัยเสริมอื่น ๆ ที่สำคัญอีก เช่น ชนิดของกาแฟและระดับการคั่วของแต่ละโรงคั่ว
1.กาแฟคั่วอ่อน – การคั่วในระดับนี้จะเก็บรักษารสชาติและความหอมที่มีตามธรรมชาติของเมล็ดกาแฟไว้ให้คงอยู่ เหมาะสำหรับคอกาแฟสาย specialty ที่ชอบดื่มด่ำรสชาติและกลิ่นหอมละมุนของกาแฟ กาแฟคั่วอ่อนจะไม่มีน้ำมันเกาะติดเมล็ดและมักจะมีรสชาติที่สว่าง (bright) หรือเปรี้ยว (acidity) กว่า ทำให้ได้กาแฟที่มีรสชาติชัดเจนและมีความละมุนกลมกล่อม ชื่ออื่น ๆ ของกาแฟคั่วอ่อนที่รู้จักกันดี ได้แก่ ไลท์ซิตี้โรสท์ ฮาล์ฟซิตี้โรสท์หรือชินนาม่อนโรสท์
2.กาแฟคั่วกลาง – เหมาะสำหรับคอกาแฟที่ชอบกาแฟรสชาตินุ่มละมุน เมล็ดกาแฟที่คั่วในระดับนี้จะมีกลิ่นหอมละมุนและมีรสชาติออกไปทางหวานมากกว่าติดเปรี้ยว ชื่ออื่น ๆ ของการคั่วในระดับนี้ที่รู้จักกันดี ได้แก่ ซิตี้ อเมริกันโรสท์หรือเบรกฟาสต์โรสท์ โดยทั่วไปแล้ว กาแฟคั่วกลางจะเป็นกาแฟที่มีกลิ่นหอมละมุน ถ้าใครชอบกาแฟรสชาติออกไปทางโทนช็อกโกแลตแล้วล่ะก็ แนะนำให้ลองกาแฟแบบคั่วกลางค่อนเข้มเลยจ้า รับรองไม่มีผิดหวัง
3.กาแฟคั่วเข้ม – การคั่วในระดับนี้จะดึงรสชาติดั้งเดิมของกาแฟออกไปและแทนที่ด้วยความขมซึ่งเป็นรสชาติที่คอกาแฟชื่นชอบกัน กาแฟคั่วเข้มมีรสชาติที่หนักแน่น ติดเปรี้ยวน้อยที่สุด แต่มีน้ำมันเคลือบผิวกาแฟเยอะ ทำให้กาแฟที่คั่วในระดับนี้มีรสชาติออกทางโทนดาร์กช็อกโกแลต เข้มข้น และมีบอดี้ที่หนักกว่า กาแฟคั่วเข้มรู้จักกันอีกชื่อ คือ กาแฟฟูลซิตี้โรสท์หรือเวียนนาโรสท์
4.กาแฟเฟรนช์โรสท์ – รู้จักในอีกชื่อว่ากาแฟนิวออลีนส์ อิตาเลี่ยนโรสท์ และคอนทิเนนทัลโรสท์ การคั่วกาแฟแบบเฟรนช์โรสท์เป็นการคั่วแบบเข้มมากจนไม่เหลือรสชาติดั้งเดิมของกาแฟ น้ำมันจากเมล็ดกาแฟจะถูกสกัดออกมาเยอะ ได้กาแฟที่มีรสชาติติดไหม้
